วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

タスク3 飛行機

ช่วงนี้นี่อัพเดทวันต่อวันกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ
วันนี้มาพร้อมกับ タスク3 เรื่อง 飛行機 ค่ะ
มีภาพมาให้หนึ่งภาพแล้วเล่าเรื่องจากภาพนั้น
อันนี้ไม่มีภาพตัวอย่างให้ แต่จะเล่าคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน
ภาพแบ่งเป็นสองช่องค่ะ ช่องทางซ้ายเป็นสถานที่ที่สนามบิน
และมีผู้หญิงคนหนึ่งมองดูเครื่องบินบินไปอย่างเสียใจเสียดาย ก็เดาได้ว่าคงจะตึกเครื่องบิน
ช่องทางขวา เป็นผู้หญิงคนเดิมนั่งดูข่าวอยู่ที่พักของตนเอง ในทีวีเป็นภาพเครื่องบินตกทะเล

ดูแล้วก็เดาง่ายเลยค่ะ เครื่องบินที่ควรจะได้ขึ้นมันตกทะเล ชีวิตรอดแล้วเย้

มาลองดูกันดีกว่าว่าครั้งแรกทำออกมาเป็นยังไง ความรู้สึกส่วนตัวรู้สึกอนาถมากค่ะ

私①ねえ、最近のニュース見てる?その、飛行機が落ちたってニュース。
聞き手ああ、それね、見たよ。
私②実はね。それが私が乗る飛行機はずだった。
聞き手:へえ、何で乗れなかったの?
私③あのう、実はね、その日私は朝寝坊しちゃった。
聞き手: 何だー
私④ 空港に行った時、飛行機はもう目の前で飛んで行っちゃって、その時はああ、悲しいなあ、日本にアイドル会えなかったと。
聞き手:そうだね。でも、よかったんじゃない。
私⑤うん。そう。もし、あの飛行機乗ってたら、今はどうなるか分からないよね。
聞き手:そうだね。それに、アイドルに会えないよね。
私⑥そう!それが一番悲しい。
聞き手:チャンスがまだあるからね。
私⑦ああ、乗らなければ、よかったね。

บางคนอาจจะเห็นได้ว่ามีข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มาดูกันทีละจุดดีกว่า แน่นอนว่าเน้นดู  เหมือนเดิมนะคะ

ねえ、最近のニュース見てる?その、飛行機が落ちたっていうニュース。
実はね。それが私が乗る飛行機はずだったのよ
それがね、その日私は朝寝坊しちゃったんだ
だから空港に着いた時、飛行機はもう目の前で飛んで行っちゃったのよ、その時はとてもかなしかったよ。せっかく日本アイドルに会おうと思ってたのに残念だったわ。
私⑤うん、そう。もし、あの飛行機乗ってたら、今はどうなるか分からないよね。
私⑥そう!それが一番悲しいことなんだ
私⑦ああ、乗らなければ、よかった 生きてるっていいことだよね。

ฟู่ววว เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ลองอ่านที่่อาจารย์นำตัวอย่างมาให้ดู อาจจะยังมีจุดแปลกๆ อยู่บ้าง
ยังไงก็คงขอไว้เป็นคราวหน้าละกันนะ :))
อย่างที่เขียนไว้ด้านบนว่ามีข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงมาก นั่นก็คือ

乗らなければ、よかった

แปลว่าอะไรคะ? "รู้งี้ไม่นั่งเสียดีกว่า" แปลว่าในประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าเรานั่งเครื่องบินไปแล้ว
แต่รู้สึกเสียใจที่ได้ขึ้นไป เลยพูดออกมาเป็นประโยคดังกล่าวค่ะ!!!
ถ้าหากเป็นแบบนั้นขึ้นมา ตอนนี้คงเป็นวิญญาณสาวออกมาเล่าเรื่องในอดีตและรำให้อีกคนดูอยู่เป็นแน่

ควรจะพูดว่า 朝寝坊して、よかった หรืออะไรแนวนี้มากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดกัน....

タスク3 それは秘密です

สวัสดีเจ้าค่ะ พบกันอีกครั้งกับบล็อคป่วงๆ นี้
ปีใหม่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย มัวแต่นั่งเปื่อยอยู่บ้านนี่แหละ55555 ทุกคนไปเที่ยวไหนบ้างคะ?
วันนี้ก็มาอัพเดทเนื้อหาต่างๆ ที่เจ้าของบล็อคได้เรียนรู้ในคาบเรียนเหมือนเดิมค่ะ

มีภาพประกอบด้วยนะ แต่นแต๊นนนน~~~
「それは秘密です」

เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกค่ะ ผู้หญิงที่หน้าเหียกมาก ไปทำศัลยกรรมมาจนสวยเริ่ด
และได้แฟนหนุ่มหน้าตาดีมาควง แต่วันดีคืนดี แฟนดันไปเจอรูปหนึ่ง
เป็นรูปที่สาวน้อยผู้นี้ยังไม่ได้ศัลยกรรม เจ้าตัวก็เครียดหนักสิคะ
ตายโหงงงง นางจะเลิกกับฉันมั้ยยยยยย หนุ่มหล่อก็บอกไปว่า
ไม่เห็นต้องคิดมากเลยยย ก็ฉันน่ะ....เป็นแบบนี้ (ดึงวิิกออกมา)
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ เจ๊ากันแล้วนะ

...อาจจะเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี
เล่าเรื่องคร่าวๆ ไปแล้ว มาถึงจุดที่ยากกันแล้วค่ะ
นั่นคือการเล่าเรื่องนั้นเป็นภาษาญี่ปุ่น และเล่าให้ตลก!!

เล่าธรรมดาอาจจะไม่เท่าไร ปัญหามันอยู่ที่การเล่าให้ตลกค่ะ
แต่ละคนก็มีมุกลีลาท่าทางต่างกัน ถือว่ายากทีเดียว

และด้วยความกากเกรียนของเจ้าของบล็อค ได้มาเป็นแบบสนทนาดังต่อไปนี้
โดยสมมุติให้หญิงศัลยกรรมมีชื่อว่า ナッシー ค่ะ

ねえ、Bクラスのナッシーって覚えてる?

聞き手:うん、覚えてる。

高校生の時の友達だったね。あのね、ナッシーは整形したよ。それで、すごくきれいになったよ!で、整形したから、素敵な彼氏ができたの

聞き手:うそぉ、うらやましい

でもね、昨日私はナッシーと話してたの。彼はナッシーの昔の写真を見ちゃったの。なんか、ブサイクな顔の写真。ナッシーは整形した秘密がばれちゃった、どうだろう、どうしようと悩んでて。でも、彼はそのことを気にしないって。そして、彼は髪を触って・・そして取っちゃった!彼は実ははげなんだ!

聞き手:ナッシーかわいそう。

そう。まあ、お互いの秘密がばれちゃったよね。

จากการสำรวจที่อาจารย์นำมาสอนค้นพบว่าคนไทยมักจะเล่าเรื่องโดยมีการตั้งชื่อ
หรืออย่างน้อยก็จะมีชื่อ ซึ่งตัวเองก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คือตั้งชื่อว่านัชชี่
แถมดูๆ แล้วเล่าไม่ได้ตลกเลยสักนิด เนื้อเรื่องไม่ลื่นไหล awkward มากๆ

ทีนี้มาลองดูกันดีกว่าว่าตรงไหนที่ส่วนตัวแล้วเจ้าของบล็อคอยากแก้เป็นที่สุด (เน้นดู 私 อย่างเดียว)

ねえ、Bクラスのナッシーって覚えてる?
ตรงนี้คิดว่าไม่แก้นะ

高校生の時の友達だったね
ตรงนี้มีผิดไหม ก็คิดว่าไม่ผิดนะ แต่อยากเปลี่ยนประโยค อาจจะเป็น 高校のころの友達だったよね。

あのね、ナッシーは整形したよ。それで、すごくきれいになったよ!
ตรงนี้อยากเปลี่ยนทั้งดุ้นเลย เป็น 知ってる?ナッシーは整形したんだって!
そうしたら、すごくきれいになったらしいよ! พอเป็นแบบนี้ก็ดูเป็นขาเม้ามอยมากขึ้นนิดนึง
แต่ก็แอบตะหงิดใจว่าจะมี そうしたら ดีไหม

整形したから、素敵な彼氏ができたの
ติดนิสัยพูด で อีกแล้ววว แก้ไม่หายจริงๆ ในส่วนตรงนี้อยากแก้เป็น
その後、あっという間に素敵なイケメンの彼氏ができたの

でもね、昨日私はナッシーと話してたの
→きのうナッシーに会ったんだけど、彼女は驚かせた話をしてたの。
(ไม่รู้จะเขียนอะไรขอทำเป็นลูกศรแทนแล้วกันนะ^^”)

彼はナッシーの昔の写真を見ちゃったの
→この前、彼女が手が離れないことをやってる時、ナッシーの彼氏は
ナッシーがまだ整形してない写真を見つかっちゃったんだ。

なんか、ブサイクな顔の写真
→その写真はね、一番ブサイクな顔の写真なのよ。やばいでしょ。

ナッシーは整形した秘密がばれちゃった、どうだろう、どうしようと悩んでて
→秘密を見つかっちゃった彼氏はどう思うかどうするか、ナッシーはすごく心配してたさ。

でも、彼はそのことを気にしないって
→だけど、彼は意外と気にしなくていいって言ってた!

そして、彼は髪を触って・・そして取っちゃった!彼は実ははげなんだ!
→そういったところで、手を上げて自分の髪をつかんで、それから髪を頭から引いちゃったんだ!
なんと、彼氏は今までずっとかつらを着けてるんだ!そんなに素敵な男性なのに、信じられないわ。

そう。まあ、お互いの秘密がばれちゃったよね
結局、お互いに秘密がばれちゃった。そういうこといっても、そのことで、2人はなんとか似合うカップルと見られるんだよね

สรุปแล้วก็เปลี่ยนทั้งเรื่องเลยค่ะ 5555555555
แต่ที่เขียนใหม่นี้ยังไม่ได้ลองเทียบดูกับตัวอย่างที่อาจารย์เอามาให้อ่านนะคะ
มีหลายๆ ที่ก็ยังรู้สึกว่าแปลกๆ พิศดารอยู่ ซึ่งคงต้องมาพิจารณากันอีกรอบหนึ่ง
ถ้ามีโอกาส (และเวลา) อาจจะลองปรับแก้ดูอีกครั้งค่ะ ^_______^

สุดท้ายนี้ขอรวมแบบที่ตัวเองเขียนแก้ใหม่

ねえ、Bクラスのナッシーって覚えてる?

聞き手:うん、覚えてる。

高校のころの友達だったよね。知ってる?ナッシーは整形したんだって!
そうしたら、すごくきれいになったらしいよ!その後、あっという間に素敵なイケメンの彼氏ができたの

聞き手:うそぉ、うらやましい

きのうナッシーに会ったんだけど、彼女は驚かせた話をしてたの。この前、彼女が手が離れないことをやってる時、ナッシーの彼氏はナッシーがまだ整形してない写真を見つかっちゃったんだ。その写真はね、一番ブサイクな顔の写真なのよ。やばいでしょ。

聞き手:ナッシーかわいそう。

秘密を見つかっちゃった彼氏はどう思うかどうするか、ナッシーはすごく心配してたさ。だけど、彼は意外と気にしなくていいって言ってた!そういったところで、手を上げて自分の髪をつかんで、それから髪を頭から引いちゃったんだ!なんと、彼氏は今までずっとかつらを着けてるんだ!そんなに素敵な男性なのに、信じられないわ。結局、お互いに秘密がばれちゃった。そういうこといっても、そのことで、2人はなんとか似合うカップルと見られるんだよね。

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

タスク2 外国人

อัพเดทบล็อคแบบเลทมากๆ ก่อนหน้านี้เป็นช่วงสอบ ตัวแทบขาดเลยค่ะ

วันนี้มาอัพเดทด้วย Task 2 ค่ะ เป็นสนทนาเล่าเรื่องจากภาพการ์ตูน 4 ช่อง

เรื่องคร่าวๆ ก็คือมีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในล็อบบี้โรงแรมค่ะ
คนหนึ่งนั่งเฉยๆ อีกคนนั่งอ่านหนังสือ คนที่นั่งเฉยๆ ก็มองรอบๆ ไปเรื่อย
หันไปเจอนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ดูกำลังหลงทางอยู่พอดี (ในมือถือแผนที่ไว้ด้วย)
สบตาปิ๊งๆ กันพอดี นักท่องเที่ยวคนนั้นก็จะเดินเข้ามาถามทาง
พอเห็นดังนั้น ผู้ชาย(ที่คาดว่าไม่น่าจะแม่นภาษาต่างประเทศ) ก็ดึงหนังสือพิมพ์คนข้างๆ
แล้วเข้าไปหลบในนั้นเฉยเลย

เรื่องดูยาวมาก พอลองพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นได้มาแบบนี้เจ้าค่ะ


私:あのう、昨日ホテルを出ようとしてる時、こんなことを見ましたよ。

聞き手:どんなこと?

私:えーと、ホテルには二人の男の人がいました。

、一人はちょっと年上の人なんですけれども、まあ 新聞を読んでいました。
(ตรงนี้นึกคำไม่ออก เลยเผลอพูด まあ คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรแก้ไขมากๆ)

あと一人は会社員っぽいな男の人で、のんびりしていました。

なんとか、そこを見るとかそこを見るとかしてました
(ต้องการจะพูดว่า "กำลังมองนู่นมองนี่" อยู่ เลยกลายเป็นแบบนี้ซะงั้นเลย)

、のんびりしている途中で、外国人を見つかりました。
(คิดว่าไม่น่าใช้คำว่า 途中 ควรจะเป็น 間に มากกว่า พอเป็น 途中 แล้วรู้สึกเชิงการเดินทางมากกว่า)

外国人は迷っているみたいなんです。

えーと、地図とか持っていました
(ควรมีคำเชื่อมสักอย่างเพื่อให้คล้องจองกับประโยคด้านบน ไม่ห้วนเกินไป)

、二人の目が当たりました
(จะพูดว่าสบตากัน แต่ไม่รู้คำ มั่วได้มาเป็นคำนี้)

外国人は まあ 会社員さんに道を聞こうかなと思って、会社員さんの方に歩き出しました。
(思う นี่ดูเป็นกริยาที่เราเป็นผู้กระทำ แต่กรณีนี้จะบอกว่าชาวต่างชาติคิด ก็ควรจะเป็น 思っている ไม่ก็บอกไปว่า "คงคิดว่าจะถามทาง" 思っているかもしれない แทนน่าจะดีกว่า)

でも、会社員さんは多分外国語はあまり好きじゃないかなあと思って、隣の人に新聞を取って、新聞を読みそうな、えー、読んでいる格好をしました
(เรื่อง 思う แบบเดียวกับด้านบนค่ะ
ตรงนี้มีจุดที่ไม่รู้จะใช้สำนวนแบบไหนเยอะอยู่เหมือนกัน
อันดับแรกคือ ดึงหนังสือพิมพ์แล้วไปหลบอยู่ข้างหลัง
สองคือ ทำท่าทางเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์)

、外国人はそれを見ると、起こってるみたいです。

เวลานึกคำเชื่อมไม่ออก จะไปใช้ で ตลอดเลยค่ะ ใช้เยอะมาก
--------------------------------------

เท่าที่ดูๆ มาเนี่ย มีจุดที่น่าแก้เยอะมากกกกกกกก
เทียบเป็นคะแนนเนี่ย ให้ตัวเอง 4/10 พอ รู้สึกต่ำต้อยด้านภาษาเหลือเกิน

หลังจากนั้นได้ดูตัวอย่างที่อาจารย์ให้มา และนำมาปรับแก้ดังต่อไปนี้



私:あのう、昨日ホテルを出ようとしてる時、こんなことを見ましたよ。

聞き手:どんなこと?

私:えーと、ロビーのソファに二人の男性人が座っていたんです
เพิ่มรายละเอียดผู้ชายสองคน และใช้รูป んです เพื่อให้เล่าเรื่องได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น

一人はおじさんのような中年みたいで、新聞を読んでいました。

あと一人はスーツを着ているので、たぶん会社員かもしれないと思いました。
เพิ่มเติมรายอะเีอียดเพื่อสนับสนุนเหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นพนักงานบริษัท

会社員みたいな男性はぼーとして見回していました
มองนู่นมองนี่ ได้มาเป็นประโยคนี้ที่ดูเป็นภาษาที่คนปกติใช้กัน (คิดว่านะ)

そうしたら偶然男性の外国人と目が合ってしまったんです
ใส่คำวิเศษณ์ そうしたら เข้าไป เรื่องจะได้ดูลื่นไหลมากขึ้น
เติม 偶然 เข้าไปเพื่อแสดงว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจ
สบตากันก็เป็นคำว่า 目が合う และใช้รูป ~てしまう ~んです

その外国人はカメラと地図と持っているので、道に迷っているか、行き先を地図に探していたでしょう
พอดูดีๆ ตรงที่บอกว่าหลงทางน่าจะเป็น 道に迷っているかどうか
ส่วนด้านหลังที่เป็น でしょう น่าจะเขียนว่า 探していたんじゃないかと思っています。

道のことについて尋ねたい思いで会社員に近づいていきました
จากข้างบนที่มีปัญหาเรื่อง 思う ได้มาเป็นประโยคนี้แทน
ส่วน の方に歩き出しました เป็น 近づいていきました。
(แต่ก็แอบงงๆ ว่าจะเป็น てきました หรือเปล่า)


会社員は外国語が下手かどうか尋ねられたくないかどうか分からないんですが、外国人が自分に近づいてくると気付いたら、隣のおじさんが読んでいる新聞の陰に隠れてしまったんです。
ประโยคนี้ค่อนข้างยาวนิดนึง ได้สำนวนหลบหลังหนังสือพิมพ์ตามที่เขียนเส้นใต้เลย

外国人はただ道を尋ねたいだけですが、このような隠れてしまうことをされたなんて、信じられなくて、腹が立っていました。
พอลองอ่านดูแล้ว ประโยคนี้ดูไปตัดสินความคิดของ 外国人 เอาเองเลย
ควรเปลี่ยนเป็น 尋ねたいだけかもしれないんですが、~腹が立っていたでしょう。

พอได้ลองพิจารณาอีกครั้ง ก็ค้นพบจุดที่น่าแก้ไขอยู่
อย่างน้อยก็ไม่เยอะเท่าอันแรกที่ทำ
ถ้าคิดเป็นคะแนนแล้ว จาก 4/10 คงเพิ่มเป็นสัก 8.5/10 ละกันนะ ^___^

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

タスク1-手際のよい説明

ชิ้นงานแรกของวิชานี้ค่ะ
"เขียนวิธีเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี มาตึกบรมราชกุมารี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

ฟังดูง่ายๆ ไม่ยาก แต่สิ่งที่ทำให้ยากขึ้นคือเขียนโดยคำนึงอยู่เสมอว่าผู้อ่านไม่รู้อะไรเลย
เส้นทางที่เลือกคือนั่งจากสถานีช่องนนทรีมาลงสยาม แล้วเดินไปขึ้นรถชัตเติลบัสของมหาวิทยาลัย
ที่ป้ายรถประจำทางหน้าเซเว่นอีเลฟเว่นตรงถนนอังรีดูนังต์

เขียนครั้งแรกในห้องเรียนได้มาแบบนี้ค่ะ

チュラ大の文学部への道

 BTSチョンナンシ駅から電車に乗って、サイアム駅で降りてください。降りてから6番の出口を出てください。そこを出ると、左にパラゴンというデパートがあって、前にはスカイウォークとつながっている歩道橋があります。スカイウォークとつながっている歩道橋のほうへ行ったら、階段があります。その階段を下りると、その辺にはバス停があります。周りはセブンや銀行やミヤビという焼肉があります。バス停でチュラ大のバスを待ってください。チュラ大のバスはピンク色のバスです。そこを通るバスは1番と4番のバスで、どちらも文学部へ行きますが、1番のバスに乗ったほうがいいです。1番のバスは4番のより多いし、時間もそんなにかかりません。バスは何番か前の窓に置いてある看板を見てください。バスはパラゴンやマーブンクローンを通ります。それから、左に曲がって、大学に入ります。最初のバス停で降りないで、次のバス停で降りてください。そこは文学部です。右にはタイっぽい建物があって、その向こう側はBRKビルです。

ความรู้สึกตอนที่เขียน คือรู้ตัวแหละว่าใช้ภาษาได้ไม่สมกับเป็นผู้เรียนระดับอุดมศึกษาเลย
มันนึกคำศัพท์ไม่ออก ทำไงได้ล่ะ เขียนผิดๆ ถูกๆ ไป
หลังจากที่อาจารย์ได้ลองเอาตัวอย่างที่คนญี่ปุ่นเขียนมาให้อ่าน ก็รับรู้ได้ค่ะ
ว่าัตัวเองเขียนได้เด็กอนุบาลมาก 5555 หลังจากนั้นก็ให้เพื่อนวิจารณ์และนำมาปรับๆ แก้ๆ
ได้แบบที่ดูดีกว่าเดิมเล็กน้อยดังนี้

チュラ大の文学部への道
 BTSチョンナンシ駅から国家競技場への電車に乗車し、サイアム駅で下車します。それから、6番の改札口を出ます。そちらを出ると、左にパラゴンというデパートがあり、前にはスカイウォークとつながっている歩道橋があります。スカイウォークとつながっている歩道橋のほうへ少し徒歩で行きます。もしかして、どちらへ歩けばいいか迷っている場合はセントラルワールドへの徒歩という看板階段を見てからそちらのほうへ行ってください。その階段を下りてから引き返し、まっすぐ行きます。その辺はセブンや銀行やミヤビという焼肉があります。その辺のバス停で1番のチュラ大のシャトルバスを待ってください。チュラ大のシャトルバスはピンク色のバスです。チュラ大のシャトルバスじゃありませんからピンク色以外のバスを乗車しないでください。シャトルバスはパラゴンやマーブンクローンを通ります。デパートと交差点を通ってから左に曲がり、大学に入ります。最初のバス停で下車しないで、次のバス停で下車してください。下車するバス停の辺は文学部です。前に見える薄い黄色のビルが文学部のBRKビルなのです。

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าดีกว่าอันเดิมเยอะมาก แต่ก็คิดว่ายังมีหลายๆ จุดที่น่าจะเขียนได้ดีกว่านี้
อย่างเช่น เขียนบางจุดให้ชัดเจนและเห็นภาพมากขึ้น หรือให้รายละเอียดมากกว่านี้
จุดที่น่าจะเขียนให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น เรื่องป้ายลำดับป้ายประจำทางที่จะลงจากรถชัตเติลบัส
หรือว่าเรื่องตึกบรมราชกุมารี อาจอธิบายลักษณะตำแหน่งที่ตั้งมากกว่านี้
ถ้าจะให้คะแนนตัวเองสำหรับพัฒนาการนี้ ก็คงให้สักประมาณ 8/10
หักลบส่วนที่ยังดูงงๆ และไม่ชัดเจนออกไป

สำหรับงานชิ้นแรกก็มีประมาณนี้
จากนี้ก็จะพยายามมากขึ้นไปอีก ^____^

目標

ขอเขียนอย่างเป็นทางการสำหรับบล็อกนี้

Blog (หรือ E-portfolio) นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 2223332 ภาษาศาสตร์ภาษาญี่ปุ่นประยุกต์ (APPLIED JAPANESE LINGUISTICS)
ในตอนแรกที่ลงเรียนวิชานี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ใดๆ
ลงเรียนเพียงเพราะอยากลงทุกอย่างที่เป็นวิชาภาษาญี่ปุ่น แม้ว่าตนเองจะไม่ถนัดก็ตาม

พอถึงเวลาเข้าเรียนคาบแรก รับรู้เนื้อหาที่จะได้เรียนคร่าวๆ
และสามารถเลือกได้ว่าอยากพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นด้านไหน
เมื่อลองพิจารณาตนเองจากประสบการณ์เรียนภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่มัธยมปลาย
สิ่งที่ได้ฝึกน้อยที่สุดน่าจะเป็นทักษะการพูด นอกจากนี้ ประสบการณ์ไปประเทศญี่ปุ่นก็ไม่มี
ดังนั้นจึงอยากพัฒนะทักษะด้านนี้มากที่สุด

หากมองลึกลงไปอีก ถ้าถามว่าคุยกับคนญี่ปุ่นรู้เรื่องหรือไม่ ก็พอรู้เรื่องบ้าง
ที่บอกแค่ว่าพอรู้เรื่องนั้น เพราะรู้สึกได้ว่าตนเองมักนึกคำศัพท์ไม่ค่อยออกเวลาสนทนา
บางทีก็มีอาการนึกไม่ออกว่าควรใช้คำแบบไหน สำนวนอะไรบ้าง
ยิ่งเรียนสูงขึ้น ก็ยิ่งรับรู้ว่าตนเองด้อยทักษะภาษาด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
อาจมองได้ว่าเป็นอาการตื่นเต้นหรือเปล่า บอกได้เลยว่าไม่ใช่แน่นอน

หลังจากที่ไม่ได้มีความคิดใดๆ ในการลงเรียนวิชานี้
ตอนนี้ก็คิดว่าในอนาคต ข้อบกพร่องต่างๆ ของตนเองจะได้รับการแก้ไข
หรืออย่างน้อยก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น จนสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ตะกุกตะกักอีก


สรุปเป้าหมายของตนเอง
1.สนทนาภาษาญี่ปุ่นได้ใกล้เคียงกับภาษาที่คนญี่ปุ่นใช้มากขึ้น
2.รู้คำศัพท์สำนวนต่างๆ มากขึ้น และเข้าใจความแตกต่างของคำศัพท์ที่มีความหมายคล้ายหรือเหมือนกัน
3.แก้ไขคำศัพท์หรือสำนวนภาษาต่างๆ ที่เคยใช้ผิดให้ตรงกับที่คนญี่ปุ่นใช้